หมายกำหนดการ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

หมายกำหนดการ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร


จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลที่ 10 เป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ขึ้นเป็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างสมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณี ซึ่งจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ณ พระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร และนับเป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการถ่ายทอดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ โดยทุกสถานีจะทำการเชื่อมสัญญาณการถ่ายทอดสดจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย


การเตรียมการ


การเตรียมการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 5 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นวันที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีขึ้น โดยเมื่อวันที่ 26 มกราคม มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรก โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานการประชุม มีการตั้งคณะกรรมการทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ส่วนการปรับภูมิทัศน์กรุงเทพมหานครเพื่อเตรียมการเฝ้ารับเสด็จทั้งทางกายภาพ การปรับปรุงภูมิทัศน์ อาคาร สถานที่ และถนน พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้รับผิดชอบ


ริ้วขบวน


ในพระราชพิธีอย่างเป็นทางการจะมี 3 ริ้วขบวน ดังนี้
ริ้วขบวนที่ 1 อัญเชิญพระสุพรรณบัฏ พระราชลัญจกรประจำรัชกาล และดวงตราพระราชสมภพ จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง ในวันที่ 3 พฤษภาคม โดยใช้กำลังพลทั้งหมด 133 นาย
ริ้วขบวนที่ 2 เป็นริ้วขบวนเชิญสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน มายังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อประกาศพระองค์เป็นศาสนูปถัมภก และถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิที่ปราสาทพระเทพบิดร ในวันที่ 4 พฤษภาคม โดยใช้กำลังพลทั้งหมด 234 นาย
ริ้วขบวนที่ 3 เป็นริ้วขบวนพยุหยาตราสถลมารค ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร วันที่ 5 พฤษภาคม โดยใช้กำลังพลทั้งหมด 1,368 นาย

การฝึกซ้อม


20 กุมภาพันธ์ - กรมสรรพาวุธทหารบก จัดฝึกพื้นฐานลักษณะทหารในท่าต่างๆ ที่ต้องใช้ในริ้วขบวนทั้ง 3 ให้กับชุดครูฝึกของหน่วยที่จัดกำลังปฏิบัติในริ้วขบวน
12 มีนาคม - ฝึกซ้อมริ้วขบวนที่ 3 เสมือนจริงเป็นกรณีพิเศษ เน้นกำลังพลของหน่วยทหารและข้าราชบริพารที่ต้องรับผิดชอบ
19 มีนาคม - ฝึกซ้อมริ้วขบวนที่ 3 แบบรวมการทุกเหล่าเป็นครั้งแรก
26 มีนาคม - ฝึกซ้อมริ้วขบวนที่ 1 และ 2 บนพื้นที่จำลอง ในพื้นที่กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 11 เป็นครั้งแรก
28 มีนาคม - ฝึกซ้อมริ้วขบวนที่ 3 บนพื้นที่จำลองครั้งสุดท้าย โดยมีพลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ร่วมลงฝึกซ้อม
17 เมษายน - ฝึกซ้อมย่อยริ้วขบวนที่ 3 บนพื้นที่จริงครั้งแรก
21 เมษายน - ฝึกซ้อมริ้วขบวนที่ 3 บนพื้นที่จริงครั้งที่ 2
28 เมษายน - ฝึกซ้อมใหญ่ริ้วขบวนที่ 3 บนพื้นที่จริง


ตราสัญลักษณ์พระราชพิธี


ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในครั้งนี้ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาปรุงแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วยพระองค์เอง และพระราชทานแบบตราสัญลักษณ์พร้อมความหมายเพื่อใช้ในการเผยแพร่งานในครั้งนี้ และยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแบบเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ โดยด้านหน้าเป็นตราสัญลักษณ์ ส่วนด้านหลังมีคำว่า "พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. ๒๕๖๒" ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดทำเข็มที่ระลึกขึ้นเพื่อจำหน่าย เพื่อให้ประชาชนได้อัญเชิญไปประดับในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และรายได้จากการจำหน่ายเข็มที่ระลึกทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่าย รัฐบาลจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัยต่อไป

การเตรียมสถานที่และปรับปรุงภูมิทัศน์

วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2562 กิจกรรมจิตอาสาปรับปรุงภูมิทัศน์คลองคูเมืองเดิม ถนนอัษฎางค์ และถนนบำรุงเมือง มีหน่วยพระราชทานจิตอาสา ประชาชนจิตอาสา เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร กรมป่าไม้ กรมราชทัณฑ์ สมาคมรุกขกรรมไทย และเครือข่ายต้นไม้ในเมืองกว่า 400 คน ระดมอุปกรณ์ เครื่องมือ ไปตัดแต่งกิ่งก้าน และฟื้นฟูต้นไม้ใหญ่ ให้มีทรงพุ่มสวยงาม ตัดกิ่งก้านต้นไม้ตามหลักรุกขกรรม เพื่อให้ต้นไม้ริมคลองคูเมืองเดิมทั้ง 2 ฝั่ง ตั้งแต่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ไปถึงสะพานช้างโรงสี

หมายกำหนดการ


พิธีเบื้องต้น


6 เมษายน - พิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ยกเว้นกรุงเทพมหานคร1
เวลา 10:00 น. ผู้ร่วมพิธีพร้อมกัน ณ บริเวณประกอบพิธี อ่านโองการบวงสรวง เพื่อบูชาเทพยดา เทพารักษ์
เวลา 11:52 - 12:38 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส่ขันน้ำสาคร และเคลื่อนขบวนรถไปยังสถานที่ประกอบพิธีทำน้ำอภิเษกของจังหวัด (ทั้งนี้ ในจังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดนครนายก จังหวัดอ่างทอง จังหวัดสระบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์สำหรับสรงมุรธาภิเษก ปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง จะเป็นผู้ตักน้ำในส่วนของน้ำสรงมุรธาภิเษก ส่วนจังหวัดอื่นๆ ยกเว้นจังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มากกว่า 1 แหล่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดจะมอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดเป็นผู้ตักน้ำในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดนั้นๆ ด้วย)


8 เมษายน - พิธีทำน้ำอภิเษก
เวลา 15:00 น. ผู้ร่วมพิธีพร้อมกัน ณ พระอารามหลวงประจำจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดจุดธูปเทียนที่หน้าเครื่องสังเวยบูชาฤกษ์
เวลา 17:00 น. ประธานสงฆ์ประกาศชุมนุมเทวดาในการพิธีทำน้ำอภิเษก ประธานสงฆ์เจิมเทียนชัย เทียนมงคลและ เทียนพุทธาภิเษก ประธานในพิธีถวายเทียนชนวนแด่ประธานสงฆ์
เวลา 17:10 - 22:00 น. ประธานสงฆ์จุดเทียนชัยและเทียนพุทธาภิเษก พระสงฆ์ 30 รูป เจริญพระพุทธมนต์คาถาจุดเทียนชัย โดยก่อนที่พระสงฆ์จะเจริญพระพุทธมนต์ถึงบทไตรสรณคมน์ (พุทธัง) เจ้าหน้าที่จะเชิญประธานพิธีจุดเทียนมงคล เทียนหน้าพระ และเทียนนวหรคุณ เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบแล้ว ได้นิมนต์พระสงฆ์ลงจากอาสน์สงฆ์ ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่นิมนต์พระสงฆ์เถราจารย์ และพระสวดภาณวารขึ้นอาสน์สงฆ์ ประธานพิธีจุดเทียนทอง เทียนเงิน และธูปเทียนหน้าเตียงพระสวดภาณวาร เจ้าหน้าที่อาราธนาพระสงฆ์สวดภารวาร พระสงฆ์เถราจารย์ และพระสงฆ์สวดภารวาร จะได้ผลัดเปลี่ยนกันนั่งเจริญจิตภาวนาอธิษฐานจิต และสวดภาวนาต่อไปจนถึงเวลาอันสมควร

9 เมษายน - พิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษก
เวลา 09:00 น. ผู้ร่วมพิธีพร้อมกัน ณ บริเวณประกอบพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัดจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
เวลา 10:00 น. พระสงฆ์เถราจารย์ประธานสงฆ์ดับเทียนชัย พระสงฆ์ 30 รูป เจิญพระพุทธมนต์คาถาดับเทียนเทียนชัย เจ้าหน้าที่ประโคมฆ้องชัย ดุริยางค์บรรเลงเพลง ประธานสงฆ์เจือน้ำพระพุทธมนต์ในน้ำอภิเษก และมอบให้ประธานพิธี ประธานพิธีตักน้ำอภิเษกใส่คนโท เพื่อเตรียมเชิญไปกระทรวงมหาดไทย
เวลา 12:00 น. ตั้งพิธีบายศรีเวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษก บัณฑิตหรือโหรทำพีธีบายศรี และแว่นเวียนเทียน แว่นที่ 1 และส่งให้ประธานพิธี ประธานพิธีรับแว่นเวียนเทียนจากบัณฑิตหรือโหรแล้ววักแว่นที่จุดเทียนแล้วเข้าหาตัว 3 ครั้ง แล้วใช้มือขวาโบกควันออก แล้วส่งต่อให้คนที่อยู่ซ้ายมือ เวียนไปจนครบ 3 ครบ เมื่อครบแล้วคนสุดท้ายส่งให้บัณฑิตหรือโหร ผู้ทำหน้าที่เบิกแว่นเทียน เป็นอันเสร็จพิธี


10 เมษายน - เชิญน้ำอภิเษกมาเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงมหาดไทย
เวลา 07:30 น. ปลัดกระทรวงมหาดไทยเปิดกรวยกระทงดอกไม้ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายในสถานที่เก็บรักษาคนโทน้ำอภิเษก ณ ห้องดอกแก้ว ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย
เวลา 07:50 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ เชิญน้ำอภิเษกทยอยเดินทางมาถึงกระทรวงมหาดไทย เจ้าหน้าที่เชิญคนโทลงจากรถ โดยมีผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย นำโดยปลัดกระทรวงมหาดไทยตั้งแถวรอรับขบวน จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่เชิญคนโทน้ำอภิเษกขึ้นไปยังห้องดอกแก้ว ถวายความเคารพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นเจ้าหน้าที่เชิญคนโทส่งต่อให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อวางลงในจุด ถวายความเคารพพระฉายาลักษณ์ และเดินทางกลับ

12 เมษายน - พิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเทพมหานคร ณ หอศาสตราคม ในพระบรมมหาราชวัง
เวลา 12:50 น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ พระสงฆ์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์โดยรอบพระราชฐานชั้นใน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นประธานในพิธีอธิษฐานจิตพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบาตรน้ำมนต์ภายในหอศาสตราคมบรรจุในคนโท จากนั้นเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์จากหอศาสตราคมขึ้นรถยนต์ประจำตำแหน่ง นำไปวางบนแท่นที่จัดไว้สำหรับกรุงเทพมหานครที่กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับคนโทน้ำอภิเษกจาก 76 จังหวัดทั่วประเทศ

18 เมษายน - เวลา 17:19 - 21:30 น. เชิญคนโทน้ำอภิเษกรวมจากทั่วประเทศจากกระทรวงมหาดไทยมาเสกน้ำอภิเษก ประกาศชุมนุมเทวดา ทำน้ำเทพมนต์ เจริญพระพุทธมนต์ และทำน้ำพระพุทธมนต์ ณ วัดสุทัศนเทพวราราม 2

19 เมษายน - เวลา 7:30 น. แห่เชิญน้ำอภิเษกจากวัดสุทัศนเทพวรารามไปยังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

22 เมษายน - เวลา 16:00 น. พระสงฆ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

23 เมษายน - เวลา 8:19 - 11:35 น. จารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระราชสมภพ แกะพระราชลัญจกร และจารึกพระสุพรรณบัฏพระบรมวงศ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

2 พฤษภาคม - เวลา 16:09 - 20:30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงถวายราชสักการะปฐมบรมราชานุสรณ์ สะพานพระพุทธยอดฟ้า พระบรมราชานุสรณ์ พระลานพระราชวังดุสิต และเสด็จพระราชดำเนินบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์

3 พฤษภาคม - มีการแบ่งพิธีออกเป็น 2 ช่วง ดังนี้
เวลา 10:00 น. เชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระราชสมภพและพระราชลัญจกรจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
เวลา 16:00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร นมัสการพระรัตนตรัย ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิ
เวลา 16:19 - 18:00 น. จุดเทียนชัย พระสงฆ์ประกาศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเจริญพระพุทธมนต์

พระราชพิธีทั้งหมดดังต่อไปนี้มีการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยทั้งหมด

4 พฤษภาคม
เวลา 10:09 - 12:00 น. การพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
สรงพระมุรธาภิเษก ณ ชาลาพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน, ทรงรับน้ำอภิเษก ณ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์, ทรงรับเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องบรมขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสง ณ พระที่นั่งภัทรบิฐ จากนั้นทรงเลี้ยงพระ และพระสงฆ์ดับเทียนชัย
เวลา 14:00 น. เสด็จออกมหาสมาคมรับการถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
เวลา 16:00 น. เสด็จฯ โดยริ้วขบวนราบใหญ่ไปทรงนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ประกาศพระองค์เป็นศาสนูปถัมภก ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ณ ปราสาทพระเทพบิดร ถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิ สดับปกรณ์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
เวลา 18:00 น. เจ้าพนักงานเวียนเทียนสมโภชหมู่พระมหามณเฑียร
เวลา 18:19 - 20:30 น. เฉลิมพระราชมณเฑียรและเถลิงพระแท่นบรรจถรณ์ ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน

5 พฤษภาคม
เวลา 9:00 น. พระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์ เลี้ยงพระ เทศน์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
เวลา 16:30 น. เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราสถลมารค จากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

6 พฤษภาคม
เวลา 16:30 น. เสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท รับการถวายพระพรชัยมงคล โดยพสกนิกรชาวไทย
เวลา 17:30 น. เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ให้คณะทูตานุทูต แขกของรัฐบาล และกงสุลต่างประเทศเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล
พระราชพิธีเบื้องปลาย
ปลายเดือนตุลาคม เวลา 16:00 น. เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยเช่นเดียวกัน
การเผยแพร่ต่อสาธารณชน

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2562 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ, โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และ กรมประชาสัมพันธ์ ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการวิทยุโทรทัศน์เกี่ยวกับแนวทางการออกอากาศในช่วงงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยแบ่งแนวปฏิบัติการออกอากาศเป็น 3 ช่วง ได้แก่

ช่วงการเตรียมการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ระหว่างวันที่ 15 มีนาคม - 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ช่วงการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ระหว่างวันที่ 2 - 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ช่วงเฉลิมพระเกียรติ ระหว่างวันที่ 7 พฤษภาคม - 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

โดยสถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีโทรทัศน์ และสื่อมวลชนทุกสำนัก จะถ่ายทอดสดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ โดยให้ทุกสถานีเชื่อมโยงสัญญาณจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และให้งดเว้นการโฆษณาระหว่างการถ่ายทอดในช่วงการพระราชพิธี โดยให้ขึ้นข้อความหรือคำถวายพระพรและแสดงความจงรักภักดีแทน นอกจากนี้ยังมีการจัดทำข่าวยาวเป็นกรณีพิเศษเพื่อนำเสนอพิธีที่เกี่ยวเนื่องกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ออกอากาศในช่วงเวลาข่าวในพระราชสำนัก พร้อมทั้งจัดทำสารคดีเฉลิมพระเกียรติหรือรายการพิเศษเฉลิมพระเกียรติเพื่อเผยแพร่ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2562 สถานีโทรทัศน์ทุกช่องทยอยนำตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ขื้นแสดงตรงมุมซ้ายบนของหน้าจอ ทั้งนี้ ตราสัญลักษณ์ฯ จะแสดงในทุกช่วงข่าวและรายการไปจนถึงเดือนปลายเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน ยกเว้นในรายการถ่ายทอดสด การแข่งขันกีฬาจากต่างประเทศ การถ่ายทอดสดงานสำคัญจากต่างประเทศ และรายการแสดงสินค้า

กิจกรรมก่อน ระหว่างและหลังพระราชพิธี

ก่อนและระหว่างพระราชพิธี

การรับสมัครจิตอาสาเฉพาะกิจ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในระหว่างวันที่ 8 - 9 เมษายน พ.ศ. 2562 เพื่อให้ประชาชนที่ยังไม่เคยลงทะเบียนจิตอาสาได้มีส่วนร่วมในพระราชพิธีฯ โดยกลุ่มงานจิตอาสาเฉพาะกิจ ที่เข้าร่วมปฏิบัติในพิธีการต่างๆ ทั้งก่อนระหว่างและหลังการจัดกิจกรรมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของจังหวัดแบ่งเป็น 7 กลุ่มงาน

ประกอบด้วยกลุ่มงานรักษาความปลอดภัยและการจราจรกลุ่มงานแพทย์และสาธารณสุขกลุ่มงานการขนส่งกลุ่มงานบริการและส่งกำลังบำรุงกลุ่มงานนิทรรศการ และพิธีการกลุ่ม

งานโยธาและกลุ่มงานโครงการ และกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ที่มีกลุ่มย่อยอีก 7 กลุ่ม

โครงการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติฯ โดยสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด จัดปฏิบัติธรรม ระหว่างวันที่ 1 - 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ระยะเวลา 7 วัน หรือตามความเหมาะสม

โครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทั่วประเทศ จำนวน 6,810 รูป ระหว่างวันที่ 2 - 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ระยะเวลา 15 วัน โดยนายกรัฐมนตรี ให้ข้าราชการลาบรรพชาอุปสมบท โดยไม่ถือเป็นวันลา

พิธีทำบุญตักบาตร วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 07.00 น.
ให้วัดทุกวัดทั่วประเทศ เจริญชัยมงคลคาถา ย่ำฆ้อง กลอง ระฆัง ในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ในเวลาเดียวกันกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยดูการถ่ายทอดสดจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
ตั้งโต๊ะหมู่พระฉายาลักษณ์ พร้อมประดับธงชาติ ธงธรรมจักร ธงพระปรมาภิไธย ตามความเหมาะสม

หลังพระราชพิธี

พิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลเฉลิมพระเกียรติ ฯ วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.00 น. พร้อมกันทั่วประเทศ ตามบทสวดมนต์ที่กำหนด ส่วนกลาง จัดพิธี ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ส่วนภูมิภาค จัดพิธี ณ วัดที่จังหวัดกำหนด

กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติภาคเอกชน

เครือซิเมนต์ไทยจัดทำโครงการ “เฉลิมราชย์ราชา” เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562

 

 

ขอขอบพระคุณ เครดิตข้อมูลจาก th.wikipedia.org/wiki/พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร

• บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
บทความนี้มีเนื้อหาหรือรูปแบบคล้ายตำรา งานวิจัย ข้อเสนอโครงการ หรือลักษณะอื่นที่ไม่เป็นสารานุกรม
บทความนี้อาจต้องเขียนใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพของวิกิพีเดีย


• ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล หลังจากนี้ทางร้านพิธีไทย จะนำข้อมูลใหม่มานำเก็บไว้ในเว็บไซด์เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ต่อไปนะคะ

ขอขอบพระคุณ เครดิตภาพทั้งหมด และข้อมูลเรื่องเครื่องเบญจราชกุธภัณฑ์จากเว็บไซด์ reviewsiam.com/kingrama10 

 

เครื่องเบญจราชกุธภัณฑ์

“เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์” เป็นเครื่องทรง 5 อย่างของพระมหากษัตริย์ไทย 
เครื่องทรงเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า “พระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้นๆ ได้ผ่านพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพ่ออยู่หัว” ตรงตามโบราณราชประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่ครั้งกรุงเก่าทุกประการ ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเครื่องเบญจราชฯ นี้ เพียงแค่ครั้งเดียว นั่นก็คือวันที่พระองค์เข้าพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพ่ออยู่หัว และจะไม่ทรงเครื่องเบญจราชฯ อีกเลยตลอดรัชกาล 
เพราะเครื่องเบญจราชฯ เป็นเครื่องทรงที่สงวนไว้สำหรับพิธีบรมราชาภิเษกเท่านั้น! 
ดังนั้นหลังจากพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว เจ้าพนักงานจะอัญเชิญเครื่องเบญจราชฯ ทอดถวายไว้ที่ข้างๆ พระราชบัลลังก์แทน เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ สงวนไว้สำหรับ พิธีบรมราชาภิเษกเท่านั้น

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้