“เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์” เป็นเครื่องทรง 5 อย่างของพระมหากษัตริย์ไทย
เครื่องทรงเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า “พระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้นๆ ได้ผ่านพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพ่ออยู่หัว” ตรงตามโบราณราชประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่ครั้งกรุงเก่าทุกประการ ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเครื่องเบญจราชฯ นี้ เพียงแค่ครั้งเดียว นั่นก็คือวันที่พระองค์เข้าพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพ่ออยู่หัว และจะไม่ทรงเครื่องเบญจราชฯ อีกเลยตลอดรัชกาล
เพราะเครื่องเบญจราชฯ เป็นเครื่องทรงที่สงวนไว้สำหรับพิธีบรมราชาภิเษกเท่านั้น!
ดังนั้นหลังจากพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว เจ้าพนักงานจะอัญเชิญเครื่องเบญจราชฯ ทอดถวายไว้ที่ข้างๆ พระราชบัลลังก์แทน เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ สงวนไว้สำหรับ พิธีบรมราชาภิเษกเท่านั้น
ประกอบไปด้วยเครื่องทรง 5 อย่าง คือ
พระมหาพิชัยมงกุฎ
แสดงถึงยอดพระวิมานของพระอินทร์หรือเทพ พระมหามงกุฎนี้สร้างขึ้นในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1 ทำด้วยทองคำลงยาประดับเพชร ครั้นถึงสมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงมีรับสั่งให้นำเพชรเม็ดใหญ่จากประเทศอินเดียมาประดับไว้บนยอดพระมหาพิชัยมงกุฎ ซึ่งมีความหมายว่าเป็นของหนัก เป็นพระราชภาระของพ่ออยู่หัว เพราะต้องทรงแบกรับความทุกข์ ความโศก และโรคภัยของประชาชนทั้งปวง พระมหาพิชัยมงกุฎมีน้ำหนักกว่า 7.3 กิโลกรัม
พระแสงขรรค์ชัยศรี
แสดงถึงพระราชศาตราวุธประจำพระมหากษัตริย์ เสมือนเป็นพระปัญญาในการปกบ้านครองเมือง พระแสงองค์นี้เป็นของเก่า เดิมตกจมอยู่ในทะเลสาบเขมรที่เมืองเสียมราฐ ชาวประมงทอดแหได้ เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (แบน)เจ้าเมืองเสียมราฐจึงนำมาทูลเกล้าถวายพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่1 เมื่อวันที่พระแสงองค์นี้มาถึงพระนคร ได้เกิดฟ้าผ่าลงกลางพระนครตามทางที่อัญเชิญถึง 7 แห่ง รัชกาลที่1จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ทำด้ามและฝักขึ้นใหม่ด้วยทองลงยาประดับมณี หนักกว่า 1.9 กิโลกรัม
ธารพระกร
แสดงถึงพระมหากษัตริย์ทรงครองราชย์โดยธรรม สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่1ทำด้วยไม้ชัยพฤษ์ปิดทอง หัวและสันเป็นเหล็กคร่ำลายทอง ลักษณะเหมือนกับไม้เท้า มีความยาว 118 เซนติเมตร
วาลวีชนี (พัดและแส้)
แสดงถึงพระราชภารกิจที่คอยปัดเป่าความทุกข์ บำรุงความสุขให้ไพร่ฟ้าประชาชน ทั้ง 2 สิ่งนี้พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่1ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้น พัดวาลวีชนีทำด้วยใบตาลปิดทองทั้ง2ด้าน ด้ามและเครื่องประกอบทำด้วยทองคำลงยา ส่วนพระแส้ทำด้วยขนจามรี มีด้ามเป็นแก้ว
ฉลองพระบาทเชิงงอน
ฉลองพระบาทนี้มีที่มาจากเกือกแก้ว ซึ่งหมายถึง แผ่นดินอันเป็นที่รองรับเขาพระสุเมรุ เป็นที่อาศัยแก่อาณาประชาราษฎร์ทั้งหลายทั่วแว่นแคว้นขอบขัณฑสีมา ฉลองพระบาทเชิงงอนนี้ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่1ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ตามแบบอินเดียโบราณ
ขอบคุณข้อมูลที่มาจาก:: คลังประวัติศาสตร์ไทย, เฟซบุ๊กคุณ Ramet Tanawangsri)
ร้านพิธีไทย ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซด์ reviewsiam.com/kingrama10