ทำไมต้องทำบุญบ้าน ทำบุญบ้านให้เทวดา

ทำไมต้องทำบุญบ้าน ทำบุญบ้านให้เทวดา

ทำไมต้องทำบุญบ้าน ทำบุญบ้านให้เทวดา อย่างไร?
 
                      เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2546  วันนั้นได้ไปบ้านโยมผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นประธานทอดกฐินที่วัดทมอโดน (วัดที่ประเทศเขมร)  ซึ่งเป็นกฐินตกค้าง  เจ้าของบ้านหลังนี้รับเป็นเจ้าภาพ ผู้เขียนซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์วัดนี้ ต้องเดินทางไปรับเจ้าภาพเพื่อเดินทางไปประเทศเขมรด้วยกัน

                       วันนั้น ต้องออกจากวัดตั้งแต่เช้าเพื่อไปฉันเช้าที่บ้านโยมเจ้าภาพ  เมื่อรถแท็กซี่แล่นถึงหมู่บ้านจัดสรร  ได้สังเกตเห็นสิ่งต่าง ๆ ดังนี้  หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านคนรวย  บ้านแต่ละหลังอยู่ห่างกันบนเนื้อที่ 1 ไร่  สงบร่มรื่น  มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา  มีต้นไม้ร่มครึ้มอยู่ทั่วไป

                        เมื่อถึงบ้านเจ้าภาพ  เจ้าของบ้านก็นิมนต์ให้ไปไหว้พระสวดมนต์เจริญภาวนาในห้องพระก่อนเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บ้าน  เสร็จแล้วจึงลงมาฉันเช้าที่ห้องด้านล่าง  ฉันเช้าเสร็จแล้วจึงออกเดินสำรวจดูรอบ ๆ บริเวณบ้านบนเนื้อที่ขนาด 2 ไร่ ซึ่งมีต้นไม้ทั้งขนาดเล็กและปานกลางอยู่ทั่วไป
 
                       สังเกตุเห็นว่า ต้นไม้แต่ละต้น ไม่ว่าจะเป็นต้นน้อยต้นใหญ่ มีรุกขเทวดาอาศัยอยู่เต็มไปหมด  ไม่มีว่างเหลืออยู่เลย  ก็เลยสวดมนต์ให้พวกเขาฟังหนึ่งพระสูตร (กรณียเมตตสูตร)  พร้อมกับแปลให้เขาฟังด้วย  สักพักได้ยินเสียงของเทวดาที่เป็นเจ้าที่องค์หนึ่งกล่าวว่า

 “ท่านครับ  ช่วยบอกเจ้าของบ้านให้นิมนต์พระมาทำบุญที่บ้านด้วยครับ”
 
ผู้เขียน “ทำไมล่ะ ?  เจ้าของบ้านเขาก็เป็นคนดีอยู่ออก เขาไม่เคยทำบุญบ้านเลยหรือ ?”

รุกขเทวดา  “ทำครับ แต่เจ้าของบ้านเขามักจะไปทำบุญนอกบ้าน ไม่ค่อยได้ทำบุญภายในบ้านเลย พวกผมซึ่งเป็นเทวดาเจ้าที่  จึงไม่ค่อยได้รับบุญกุศลสักเท่าไหร่  พวกผมอยากให้เจ้าของบ้านนิมนต์พระมาทำบุญที่บ้านบ้าง  เพราะที่หมู่บ้านแห่งนี้ ไม่มีพระมาบิณฑบาตถึง  ผมอยากจะฟังพระสวดมนต์  อยากฟังพระสวด “ธัมมะจักรกัปปวัตตนะสูตร”  บ้าง”
 
ผู้เขียน  “แล้วจะให้อาตมาบอกเขาอย่างไรล่ะ  ?  บอกตรง ๆ คงไม่เหมาะ”
 
รุกขเทวดา  “ท่านก็ใช้กุศโลบายซิครับ  หรือจะเขียนลงในไตรรัตน์ก็ได้  เมื่อเจ้าของบ้านได้อ่าน  เขาคงจะเข้าใจ”
 
ผู้เขียน  “เอ้า จะลองดู  ถ้าไม่ได้ผล อย่าว่ากันนะ”
 
                เวลา  08.00 น.  เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็เตรียมตัวขึ้นรถออกเดินทาง  ก่อนที่เจ้าของบ้านจะขึ้นรถนั้น  ได้หันไปทางต้นไม้แล้วกล่าวด้วยเสียงแจ้ว ๆ น่ารักว่า “เทวดา  ดิฉันจะไปทำบุญทอดกฐินที่ประเทศเขมร  อนุโมทนาบุญด้วยนะ  แล้วก็ช่วยดูแลบ้านให้ด้วย  แล้วจะนำบุญมาฝาก”
 
ผู้เขียนซึ่งนั่งอยู่คู่กับคนขับ  ได้ยินดังนั้นก็อดที่จะอมยิ้มในความน่ารักและมีน้ำใจของเจ้าของบ้านไม่ได้  เมื่อรถแล่นออกมาได้สักพัก  จึงได้ค่อย ๆ แอบถามเพื่อตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ จากเจ้าของบ้านว่าจะตรงกับที่เทวดาให้มาหรือไม่  เจ้าของบ้านให้ข้อมูลมาดังนี้ :
 
ที่บ้านหลังนี้  ไม่เคยมีพระเข้ามา 10 กว่าปีแล้ว  (พระองค์สุดท้ายที่เข้ามาที่บ้านหลังนี้คือ หลวงพ่อจรัญ จ.สิงห์บุรี)  เพราะเจ้าของบ้านจะออกไปทำบุญแต่ข้างนอก  ผู้เขียนเป็นพระรูปแรกในรอบ 10 ปีที่เข้ามา  บริเวณรอบ ๆ หมู่บ้านนี้ไม่มีวัดอยู่แม้แต่แห่งเดียว  เพราะเป็นหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่  ดังนั้นจึงไม่มีพระมาบิณฑบาตถึง  หมู่บ้านแห่งนี้ถึงเป็นหมู่บ้านคนรวย  แต่เจ้าของหมู่บ้านไม่เคยทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลให้แก่หมู่บ้านเลย  เพราะต่างคนต่างอยู่ (ตัวใครตัวมัน)
 หลังจากกลับจากประเทศเขมรแล้ว  วันต่อมา ได้มีโอกาสไปที่หมู่บ้านแห่งนี้อีก  เทวดาเจ้าที่ก็มาให้ข้อมูลอีกว่า

 “หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านคนรวย  ในมุมมองทางโลกนั้น  ถ้ามนุษย์คนไหนได้อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้  ถือว่าเป็นคนไฮ-โซ 1  ถือว่าเป็นคนมีบุญ เป็นคนมีระดับ  แต่ในมุมมองทางธรรมนั้น  เทวดาองค์ไหนอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้  ถือว่าเป็นเทวดาโล-โซ 2  ถือว่ามีบุญน้อย  เป็นเทวดาชั้นต่ำ  เพราะไม่ค่อยมีโอกาสอนุโมทนาบุญ  ไม่ค่อยได้ฟังเทศน์ฟังธรรมเหมือนเทวดาที่อาศัยอยู่ในวัด
 
เทวดาที่อาศัยอยู่ในวัดนั้น  ไม่ว่าจะเป็นรุกขเทวดา  (เทวดาที่อยู่ตามต้นไม้)  หรือ ภุมมะเทวดา  (เทวดาเจ้าที่)  โดยมากได้ฟังพระสวดมนต์เช้า – เย็น ทุกวัน  ได้อนุโมทนาบุญกับคนมาทำบุญบ่อย ๆ ได้ฟังพระเทศน์เป็นประจำ
 ดังนั้น  ผมจึงขอฝากบอกข่าวนี้ไปถึงเจ้าของบ้านผ่านพระคุณเจ้า  ให้ช่วยบอกเจ้าของบ้านด้วย  ให้นิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์ให้เทวดาอย่างพวกผมได้ฟังบ้าง  ถ้ามีการแสดงธรรมด้วยก็จะดีมาก  และให้พระสวดมนต์ให้ยาว ๆ มาก ๆ หน่อย  อย่างน้อยปีละครั้งก็ยังดี
 
                 ในการทำบุญนั้น  ให้เจ้าของบ้านจุดธูปบอกทั้งภายในบ้าน และนอกบ้าน  เชิญเทวดาที่อยู่ภายในบ้านและภายในหมู่บ้านรวมทั้งพวกสัมภเวสี 3  ที่อด ๆ อยาก ๆ ให้มารับส่วนกุศลและทานอาหารโดยทั่วกัน  ถ้าเจ้าของบ้านทำอย่างนี้  ก็จะเป็นการเพิ่มพลังบุญกุศลให้แก่เทวดา  เมื่อเทวดามีบุญมาก  ก็จะรักษาหรือช่วยให้คนที่อยู่ในบ้านหรือหมู่บ้านแห่งนี้อยู่กันอย่างสงบสุข
 
                  ในการทำบุญภายในบ้านนั้น  เทวดาทุกองค์ที่อาศัยอยู่ในที่นี้สามารถเข้ามาร่วมพิธีและอนุโมทนาได้ทั้งหมด  แต่ถ้าเจ้าของบ้านไปทำบุญในวัด  เทวดาที่มีบุญน้อยศักดิ์น้อยบางองค์  ไม่สามารถไปร่วมพิธีได้  ได้แต่อนุโมทนาบุญที่เจ้าของบ้านนำมาฝาก  ถ้าเข้าใจไม่ชัด  ผมจะขอยกอุปมา-อุปมัยให้ฟัง
 
                  ถ้าเราทำบุญที่บ้าน  ญาติพี่น้องของเราสามารถเข้าร่วมพิธีได้หมดทุกคน แต่ถ้าไปทำในวัด  ทุกคนจะไปร่วมพิธีทั้งหมดไม่ได้  เพราะจะต้องมีบางคนอยู่เฝ้าบ้าน  ดังนั้นการนิมนต์พระมาทำบุญที่บ้าน  จึงเป็นผลดีต่อเทวดาอย่างพวกผมมากกว่าทำบุญที่วัด  แม้ว่าเจ้าของบ้านจะลำบากหรือเหน็ดเหนื่อยอีกนิดหนึ่งก็ตาม”
 ป.ล. อ่านแล้วอย่าเพิ่งเชื่อ  พิจารณาไตร่ตรองก่อน


ข้อควรปฏิบัติ

๑. ควรทำบุญบ้านปีละครั้ง  โดยนิมนต์พระให้ไปบ้าน  อาจเป็นการถวายสังฆทานเฉย ๆ ก็ได้  เพื่อเป็นการเพิ่มบุญให้แก่เทวดาที่เป็นพระภูมิเจ้าที่และความเป็นมงคลแก่ที่ดินของเราเองด้วย

๒. ควรทำบุญหมู่บ้าน ชุมชน ซอย หรือคอนโดฯ ที่เราอยู่ปีละครั้ง  เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แด่ปู่ย่าตายายผู้ก่อตั้งหมู่บ้าน  เป็นการแสดงความกตัญญู-กตเวที  และมีอานิสงส์ทำให้คนในหมู่บ้านสามัคคีกัน  วิญญาณพระภูมิเจ้าที่ที่รักษาหมู่บ้านก็จะมีพลังป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้มากขึ้น


 
 
1 High Society = คนชั้นสูง,  สังคมชั้นสูง
2 Low Society = คนชั้นต่ำ, สังคมชั้นต่ำ
3 สัมภเวสี = ผู้แสวงหาที่เกิด คือผีที่ตายจากโลกมนุษย์แล้ว แต่ยังไม่ได้เกิดในกำเนิดอื่น



ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก เว็บ intaram
 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้